ค้นหาบล็อกนี้

วันพุธที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

กรุงศรีอยุธยา


กรุงศรีอยุธยา
กรุงศรีอยุธยาตั้งอยู่บนบริเวณซึ่งมีแม่น้ำล้อมรอบถึง 3 สาย อันได้แก่ แม่น้ำป่าสักทางทิศเหนือ, แม่น้ำเจ้าพระยาทางทิศตะวันตกและทิศใต้ และแม่น้ำลพบุรีทางทิศตะวันออก เดิมทีบริเวณนี้ไม่ได้มีสภาพเป็นเกาะ แต่พระเจ้าอู่ทองทรงดำริให้ขุดคูเชื่อมแม่น้ำทั้ง 3 สาย เพื่อให้เป็นปราการธรรมชาติป้องกันข้าศึก ที่ตั้งกรุงศรีอยุธยายังอยู่ห่างจากอ่าวไทยไม่มากนัก ทำให้กรุงศรีอยุธยาเป็นศูนย์กลางการค้ากับชาวต่างประเทศด้วย
ปัจจุบันบริเวณนี้เป็นส่วนหนึ่งของอำเภอพระนครศรีอยุธยา ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ประวัติ

จุดเริ่มต้น

ชาวไทยเริ่มตั้งถิ่นฐานบริเวณตอนกลาง และตอนล่างของลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยามาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 18 แล้ว ทั้งยังเคยเป็นที่ตั้งของเมืองสังขบุรี อโยธยา เสนาราชนคร และกัมโพชนคร

ต่อมา ราวปลายพุทธศตวรรษที่ 19 อาณาจักรขอมและสุโขทัยเริ่มเสื่อมอำนาจลง พระเจ้าอู่ทองทรงดำริจะย้ายเมืองและพิจารณาชัยภูมิเพื่อตั้งอาณาจักรใหม่ และตัดสินพระทัยสร้างราชธานีแห่งใหม่บริเวณตำบลหนองโสน (บึงพระราม)  และสถาปนากรุงศรีอยุธยาขึ้นเป็นราชธานี เมื่อวันศุกร์ ขึ้น 6 ค่ำ เดือน 5 ปีขาล จุลศักราช 712ตรงกับวันศุกร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 1893 (พ.ศ.นี้เทียบจาก จ.ศ. แต่จะตรงกับ ค.ศ. 1351) ชื่อว่า กรุงเทพมหานคร บวรทวาราวดี ศรีอยุธยา มหาดิลก ภพนพรัตน์ราชธานี บุรีรมย์อุดมมหาสถานประวัติศาสตร์บางแห่งระบุว่าเกิดโรคระบาดขึ้น พระเจ้าอู่ทองจึงทรงย้ายเมืองหลวงมายังกรุงศรีอยุธยา

การขยายดินแดน

กรุงศรีอยุธยาดำเนินนโยบายขยายอาณาจักรด้วย 2 วิธีคือ ใช้กำลังปราบปราม ซึ่งเห็นได้จากชัยชนะในการยึดครองเมืองนครธม (พระนคร) ได้อย่างเด็ดขาดในสมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 และอีกวิธีหนึ่งคือ การสร้างความสัมพันธ์แบบเครือญาติ อันเห็นได้จากการผนวกกรุงสุโขทัยเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักร

การล่มสลายของอาณาจักร

ช่วงสมัยรัชกาลของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เกิดการแย่งชิงราชสมบัติระหว่างพระเจ้าเอกทัศกับพระเจ้าอุทุมพร เนื่องจากพระองค์ทรงเลือกพระอนุชาขึ้นเป็นกษัตริย์ไม่เป็นไปตามราชประเพณี แต่พระเจ้าเอกทัศก็ทวงบัลลังก์ ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งกรุงศรีอยุธยา ครั้นในปี พ.ศ. 2303 พระเจ้าอลองพญาทรงนำทัพมารุกรานอาณาจักรอยุธยา พระเจ้าอุทุมพรทรงถูกเรียกตัวมาบัญชาการตั้งรับพระนคร แต่ภายหลังจากที่กองทัพพม่ายกกลับนั้น พระองค์ก็ได้ลาผนวชดังเดิม
ในปี พ.ศ. 2308 พระเจ้ามังระ บุตรของพระเจ้าอลองพญา ก็ได้รุกรานอาณาจักรอยุธยาอีกครั้งหนึ่ง โดยแบ่งกองกำลังออกเป็น 2 ส่วน คือ ฝ่ายเหนือภายใต้การบังคับของเนเมียวสีหบดี และฝ่ายใต้ภายใต้การนำของมังมหานรธา และมุ่งเข้าตีอาณาจักรอยุธยาพร้อมกันทั้งสองด้าน ฝ่ายอยุธยาทำการตั้งรับอย่างเข้มแข็ง และสามารถต้านทานการปิดล้อมของกองทัพพม่าไว้ได้นานถึง 14 เดือน แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งการล่มสลายได้ กองทัพพม่าสามารถเข้าเมืองได้ในวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2310
พระราชวงศ์
ราชวงศ์กษัตริย์ของกรุงศรีอยุธยา ประกอบด้วย 5 ราชวงศ์ คือ
1.               ราชวงศ์อู่ทอง มีกษัตริย์ 3 พระองค์
2.               ราชวงศ์สุพรรณภูมิ มีกษัตริย์ 13 พระองค์
3.               ราชวงศ์สุโขทัย มีกษัตริย์ 7 พระองค์
4.               ราชวงศ์ปราสาททอง มีกษัตริย์ 4 พระองค์
5.               ราชวงศ์บ้านพลูหลวง มีกษัตริย์ 6 องค์
ซึ่งรวมเป็นกษัตริย์รวม 34 (นับรวมขุนวรวงศาธิราช ) พระองค์ ซึ่งถือว่ามีมาก ซึ่ง อาณาจักรกรุงศรีอยุธยา เป็นราชธานีมาตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 1893 จนถึงวันที่ 7 เมษายน 2310 เป็นเวลายาวนานถึง 417 ปีเลยทีเดียว

วงโยธวาทิต



วงโยธวาทิต
วงโยธวาทิต (อังกฤษ: Military Band) คำว่า "วงโยธวาทิต" ในภาษาไทยนั้น เป็นศัพท์ที่บัญญัติขึ้นโดย นายมนตรี ตราโมท ส่วนรากศัพท์ในภาษาอังกฤษใช้คำว่า Military Band โดยคำว่า Military หมายถึง กองทัพ คำว่า Band หมายถึง วงดนตรี มาจากคำว่า Banda ในภาษาอิตาเลียน ดังนั้น วงโยธวาทิต (Military Band) หมายถึง กลุ่มผู้เล่นเครื่องดนตรีที่ประกอบด้วยเครื่องเป่าลมไม้ เครื่องเป่าทองเหลือง และเครื่องกระทบ วงโยธวาทิตแต่เดิมนั้นตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ทางทหารที่เรียกว่า "วงดุริยางค์ทหาร" ปัจจุบันวงโยธวาทิตได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนสามารถบรรเลงในงานต่างๆ ได้นอกเหนือจากการบรรเลงในกองทัพ
ประวัติ
กลางคริสต์ศตวรรษที่ 18 มีแตรวง เป็นวงดนตรีขนาดย่อม ประกอบด้วยเครื่องเป่าทองเหลือง และเครื่องกระทบ ในยุโรปสมัยกลางฝ่ายทหารใช้ปี่ชอร์ม (Shawms) และทรัมเป็ต ร่วมกับกลองในการเดินทัพออกสมรภูมิ ต่อมาก็เกิดการแบ่งออกเป็นสองพวก ทหารราบใช้ปิคโคโลกับกลอง ส่วนทหารม้านั้นใช้ทรัมเป็ตกับกลองหนัง
จนเกิดสงคราม 30 ปี ในยุโรป (ค.ศ.1618-1648) เจ้านายเยอรมันแห่งแบรนแดนเบิร์กให้จัดตั้งวงโยธวาทิตทหารขึ้น มีปี่ชอร์ม 3 คัน แตร ทรัมเป็ต แตรฝรั่งเศส และเครื่องกระทบ กลายเป็นวงโยธวาทิตที่ใช้ได้ทั้งการเดินทัพและนั่งบรรเลงกับที่ ต่อมาทั้งฝรั่งเศส และอังกฤษมีการใช้และดัดแปลงให้วงโยธวาทิตมีความครึกครื้นมากขึ้น โดยมีการแต่งเพลงขึ้นเฉพาะสำหรับการบรรเลงด้วยวงโยธวาทิต
หลังศตวรรษที่ 18 มีเครื่องดนตรีเกิดใหม่ โดยเฉพาะเครื่องเป่า เช่น โอโบ คลาริเน็ต บาสซูน เข้ามามีบทบาทมากขึ้นและเพลงที่วงโยธวาทิตใช้บรรเลงเริ่มมีการนำเพลงบรรเลงของวงออร์เคสตรามาดัดแปลงให้วงโยธวาทิตนำมาบรรเลง และการนั่งบรรเลงเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น
ลักษณะ
วงโยธวาทิต แบ่งตามลักษณะการบรรเลง ได้ดังนี้
1.               วงมาร์ชชิ่งแบนด์ (Marching Band) เป็นวงโยธวาทิตที่มีลักษณะการเดินบรรเลง เป็นแถวตอนลึก อาจบรรเลงเฉพาะวงหรือนำหน้าขบวนต่างๆ ที่ต้องการรูปแบบที่เป็นระเบียบ เข้มแข็ง เร้าใจ ส่วนมากจะนิยมบรรเลงเพลงมาร์ช
2.               วงนั่งบรรเลง (Concert Band) หมายถึง การนำวงโยธวาทิตมานั่งบรรเลงเป็นลักษณะของคอนเสิร์ต โดยนำบทเพลงที่เรียบเรียงเสียงประสานสำหรับวงโยธวาทิตมาบรรเลง ลักษณะคล้ายวงออร์เคสตรา หรืออาจนำเอาบทเพลงบรรเลงของวงออร์เคสตรามาเรียบเรียงเสียงประสานใหม่ เพื่อให้เหมาะสมกับวงโยธวาทิต จึงทำมีอีกชื่อเรียกว่า วงซิมโฟนิค แบนด์ (Symphonic Band)
3.               วงแปรขบวน (Display) หมายถึง การนำวงโยธวาทิตมาบรรเลงประกอบการแปรแถว โดยผู้บรรเลงต้องเดินแปรรูปขบวนเป็นรูปต่างๆ ซึ่งเพลงที่ใช้บรรเลงต้องเหมาะสมกับรูปแบบที่แปรขบวนด้วย วงแบบนี้อาจมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า โชว์แบนด์ (Show Band)
เครื่องดนตรีที่ใช้ในวงโยธวาทิต
ประเภทของเครื่องดนตรีที่ใช้ในวงโยธวาฑิต มี 3 ประเภท ดังนี้
  • 1. เครื่องเป่าลมไม้ (Woodwind Instruments) ได้แก่ ปิคโคโล (Piccolo) โอโบ (Oboe) บาสซูน (Bassoon) คลาริเน็ต (Clarinet) เบสคลาริเน็ต (Bass Clarinet) อัลโตแซกโซโฟน (Alto Saxophone) เทเนอร์แซกโซโฟน(Tenor Saxophone) บาริโทนแซกโซโฟน (Bariton Saxophone) ฟลูต (Flute) และ อัลโตคลาริเน็ต (Alto Clarinet)
  • 2. เครื่องเป่าทองเหลือง (Brass Instruments)ได้แก่ ทรัมเป็ต (Trumpet) คอร์เน็ต (Cronet) ทรอมโบน (Trombone) เฟรนซ์ฮอร์น (French Horn) บาริโทน (Baritone) ยูโฟเนียม (Euphonium) ทูบา (Tuba) และซูซาโฟน (Susaphone)
  • 3. เครื่องกระทบ (Percussion Instruments) ได้แก่ กลองเล็ก (Snare Drum or SideDrum) กลองเทเนอร์ (Tenor Drum) กลองใหญ่ (Bass Drum) ฉาบ (Cymbals) ไซโลโฟน (Xylophone) กลอกเคิ่นสปีล (Glockenspiel) ทรัยเองเกิ้ล (Triangle) กลองทอมบา (Tomba) และกลองทิมปานี (Timpani)

วงศ์ปลาหมอสี

วงศ์ปลาหมอสี


ปลาหมอม้าลาย
(ตัวเมีย-Archocentrus

             วงศ์ปลาหมอสี เป็นวงศ์ปลาที่มีจำนวนชนิดมากกว่า 1,000 ชนิด นับเป็นวงศ์ปลาที่มีจำนวนชนิดมากเป็นอันดับสาม รองมาจากวงศ์ปลาตะเพียน และวงศ์ปลาบู่ วงศ์ปลาหมอสีมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cichlidae (ออกเสียงในภาษาอังกฤษว่า ซิค-ลิด-เด) ปลาในวงศ์นี้มีชื่อสามัญภาษาอังกฤษว่า cichlid (ออกเสียงว่า ซิค-ลิด) ภาษาไทยนิยมเรียกว่า "ปลาหมอสี" ปลาในวงศ์นี้ส่วนใหญ่จึงมักมีชื่อขึ้นต้นว่า "ปลาหมอ" เช่น ปลาหมอกล้วยหอม ปลาหมอเท็กซัส เป็นต้น
ปลาในวงศ์ปลาหมอสีมีลักษณะหลายหลากแตกต่างกันไปตามสภาพแวดล้อมของถิ่นกำเนิด ปลาหมอสีส่วนใหญ่เป็นปลาน้ำจืด แต่มีบางชนิดพบในน้ำกร่อย ปลาในวงศ์นี้พบมากที่สุดในทวีปแอฟริกา และทวีปอเมริกาใต้ ซึ่งมีประมาณ 900 และ 290 ชนิดตามลำดับ นอกจากนี้ยังมีบางชนิดพบได้ในตอนล่างของทวีปอเมริกาเหนือ อีกสี่ชนิดพบในตะวันออกกลาง และอีกสามชนิดพบในอินเดีย ปลาในวงศ์ปลาหมอสีมีความสำคัญต่อมนุษย์ในหลายลักษณะ ปลาบางชนิด เช่น ปลานิล จัดเป็นปลาเศรษฐกิจที่เลี้ยงง่าย โตเร็ว ในขณะที่ปลาอีกหลายชนิดเป็นปลาตู้สวยงาม เช่น ปลาเทวดา ปลาปอมปาดัวร์ และ ปลาออสการ์
ลักษณะเฉพาะของปลาหมอสี
ถึงแม้ว่าปลาหมอสีมีรูปร่างลักษณะแตกต่างกันไปตามสภาพแวดล้อม เช่น ปลาตัวแบนที่แฝงตัวตามพืชน้ำอย่างปลาเทวดา หรือปลานักล่าลำตัวเพรียวอย่างปลาหมอออสเซลาริส ปลาในวงศ์นี้ก็มีลักษณะร่วมอันเป็นเอกลักษณ์ คือ
  • มีกรามพิเศษในลำคอ (pharyngeal jaws) นอกเหนือไปจากกรามแท้
  • มีรูจมูกสองรู ซึ่งต่างจากปลาส่วนใหญ่ที่มีสี่รูจมูก
  • ไม่มีชั้นกระดูกใต้รอบตา
  • เส้นข้างลำตัวขาดตอน ตัดแบ่งเป็นสองส่วน
  • กระดูกหู (Otolith) มีลักษณะเฉพาะ
  • ลำไส้เล็กหันออกจากทางด้านซ้ายของกระเพาะ
  • มีพฤติกรรมการเลี้ยงดูไข่และลูกอ่อน

ปลาในสกุล Symphysodon ซึ่งเป็นที่รู้จักกันแพร่หลายในชื่อ ปลาปอมปาดัวร์

สกุล
วงศ์ปลาหมอสีจำแนกย่อยเป็นอย่างน้อย 221 สกุล ตัวอย่างสกุลปลาหมอสีที่มีความสำคัญหรือเป็นที่รู้จักแพร่หลาย ได้แก่

ปลาแรมเจ็ดสี จัดเป็นหนึ่งในปลาหมอสีสกุล Mikrogeophagus

ปลาหมอสีลูกผสม
ปลาหมอสีลูกผสมข้ามชนิด นิยมเรียกในภาษาไทยว่า ปลาหมอครอสบรีด เป็นที่นิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม ในประเทศไทยและประเทศอื่นๆในทวีปเอเชียอีกหลายประเทศ ที่คุ้นเคยกันมานานก็คือ ปลาหมอมาลาวี (ปลาในสกุล Aulonocara) ที่มีขายทั่วไป มักไม่ใช่ปลาชนิดแท้ แต่เป็นเชื้อสายมาจากปลาลูกผสมข้ามชนิดในสกุลเดียวกัน ปลาหมอฟลามิงโก้ก็เช่นกัน มักเป็นปลาลูกผสมข้ามชนิดมากกว่าเป็นปลาชนิดแท้ ในระยะหลัง ยังมีปลาลูกผสมอื่นๆ ที่เป็นที่แพร่หลายมาก คือ
ปลาในกลุ่มนี้ เป็นลูกผสมจากปลาหมอสีหลายชนิด จากหลายสกุล จึงนอกจากจะเป็นลูกผสมข้ามชนิด ยังเรียกได้ว่าเป็นลูกผสมข้ามสกุลอีกด้วย




ปลาหมอเท็กซัสแดงเป็นปลาที่เกิดจากการผสมข้ามพันธุ์ของปลาหมอสีหลายชนิดในสกุล Herichthys และ Amphilophus

วันพุธที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2554

B&S Challenger Professional Trumpet

B&S Challenger Professional Trumpet

     ทรัมเป็ตเลื่องชื่อจากประเทศเยอรมันนี  กว่า 250 ปีที่เมือง "มาร์คนอยเคอร์เช่น" แห่ง "แซกโซนี" ได้สร้างสมภูมิปัญญาที่ทำให้สามารถผลิตทรัมเป็ตที่มีคุณถาพสูงมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก  ทำให้เป็นที่ใว้วางใจจากนักทรัมเป็ตของวง "เยอรมันบราส" เลือกใช้  หรือ ท่าน "จูร์โก้ ฮาร์ยาน" นักโซโลทรัมเป็ตชาวฟินแลนด์ และ นักเดี่ยวทรัมเป็ตดาวรุ่ง อย่าง "กาบอร์ เดเบอร์สกี้" ผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศในการแข่งขันมากมายในโลก  ในประเทศไทยผู้ที่ใช้ทรัมเป็ต บี แอนด์ เอส นั้นคือ อาจารย์ เลิศเกียรติ จงจิรจิต หัวหน้ากลุ่มทรัมเป็ต ของวง บี เอส โอ
รุ่นที่เป็นที่นิยมมากที่สุด เช่น
Challenger I Professional Trumpet

Challenger II Professional Trumpet

Challenger II C Professional Trumpet



Scherzer Professional Rotary Valve Instrument
สร้างโดยฝีมือของท่าน เอมิล น็อทย์  (Emil Knoth) ที่เริ่มต้นตั้งแต่ปี 1884 จนถึงรุ่นปัจจุบันเป็นงานศิลปะทางเครื่องดนตรีชั้นเยี่ยมของท่านโยฮอเนส สะแคสเซ่อร์  (Johannes Scherzer ) ท่าน "จูร์โก้ ฮาร์ยาน" นักโซโลทรัมเป็ตชาวฟินแลนด์ และกลุ่มทรัมเป็ตทุกคนของวง ฟินนิช เรดิโอ นั้นเลือกเล่นเพียง ทรัมเป็ตของ “สะแคสเซ่อร์”
Scherzer Professional 4 rotary valve piccolo Trumpet



Sonare Professional Trumpet
ความภูมิใจที่ได้เป็นเจ้าของเครื่อง“โซนาเร่” รับสิ่งพิเศษสุดทุกอย่างที่คุณต้องการในรุ่นมาตรฐาน
จากโรงงานที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศเยอรมันนี กับการสร้างทรัมเป็ต และ ลำโพงที่คุณถาพสูงด้วยมือ ด้วยประวัติที่ยาวนานกว่า 200 ปี   หลอมรวมกันกับ “ท่อนำลม (ลีดไปป์) และเม้าท์พีซ” ที่สุดจากอเมริกา ที่ผลิตและ สร้างโดย “คลิฟ แบล็คเบอร์น” จาก เทนเนสซี สหรัฐอเมริกา   และยังมี นวัตกรรมใหม่ของการจัดปรัปวาล์ว (วาล์วไกด์) ให้ตรงกันโดยไม่มีความเหลื่อมล้ำ เพื่อความฟิตของวาล์ว 100 เปอร์เซนต์ และที่สุดของเทคโนโลยีไครโอยีนิค เพื่อความตอบสนองของเครื่องที่มากที่สุดไม่เคยมีมาก่อน


Carol Trumpets – Every Innovation has been Extensively Researched
ทรัมเป็ตแครอล “ทุก ๆ นวัตกรรม ได้ผ่านการค้นคว้าอย่างลึกซึ้ง”
เครื่องดนตรีแครอล ผลิตภายในโรงงานที่ไต้หวัน 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีการส่งต่อหรือรับส่วนประกอบจากที่อื่น ๆ จึงแน่ใจได้ว่า สินค้าที่ได้รับจะมีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับทั่วโลก ทรัมเป็ตแครอล เป็นที่นิยมมาแล้วทั้งในประเทศไต้หวันและญี่ปุ่น จึงมั่นใจได้ว่า ทรัมเป็ต แครอล นั้น มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับได้อย่างแน่นอน
เครื่องดนตรีแครอลออกแบบด้วยโปรแกรม 3D CAD เนื่องจากผ่านการออกแบบแบบสามมิติ มาตั้งแต่ปี 1989 ทำให้เครื่องดนตรี แครอล มีการพัฒนาต่อเนื่องมาอย่างไม่หยุดยั้ง เครื่องดนตรี แครอล ผลิตออกมาอย่างแม่นยำและเชื่อถือได้ในคุณภาพ ทั้งด้านการใช้งานและความงดงามของตัวเครื่องที่เหนือชั้น
เครื่องดนตรีแครอลใช้วาล์วที่ทำจาก สเตนเลส สตีล จึงมั่นใจได้ว่ามีความคงทนถาวรกว่าทั้งต่อการบุบสลายและการสั่นสะเทือนทั่วไป รวมทั้งการเคลือบชั้นนอกของเครื่อง แครอล ที่มีความคงทนสวยงาม ไม่เหมือนใครทั้งแบบ Satin (แบบด้าน) Gold Brass (สีเหลืองทอง) และแบบเคลือบแลคเคอร์

Carol Trumpet รุ่น CTR-100
คีย์ บีแฟลต
ลำโพง ท่อ และ ท่อปรับเสียง ผลิตจากทองเหลืองเคลือบแลคเคอร์
3rd valve slide adjustable finger ring พร้อม patent defend drop device
พร้อมกระเป๋าหิ้วขนาดเล็ก และ เม้าท์พีซเบอร์ 7C

Carol Trumpet รุ่น CTR-305
คีย์บีแฟลต
ลำโพงและท่อปากเป่าเคลือบสีเหลืองทอง
ท่อปรับเสียงผลิตจากทองเหลืองเคลือบแลคเคอร์
วาล์วที่ 1 เป็น slide hook
วาล์วที่ 3 slide adjustable finger ring with stop screw
กล่องแบบเดอลุกซ์ เอบีเอส และเม้าท์พีซเบอร์ 7C

Carol Trumpet รุ่น CTR-400C
มีทั้งคีย์บีแฟลต และ ซี
ลำโพง ท่อปากเป่า ท่อปรับเสียงผลิตจากทองเหลืองเคลือบแลคเคอร์
พร้อมท่อปรับเสียงเสริม ขนาด 3R
วาล์วที่ 1 เป็น
วาล์วที่ 3 เป็น
พร้อมกระเป๋าหิ้วแบบเดอลุกซ์ และเม้าท์พีซเบอร์ 3C

Carol Trumpet รุ่น CTR-700
คีย์บีแฟลต
ลำโพง ท่อปากเป่า และท่อปรับเสียงทั้งภายในและภายนอกผลิตจากทองเหลืองเคลือบแลคเคอร์
แบบด้าน
วาล์วที่ 1 และ 3 เป็น slide fixed finger ring with stop screw
พร้อมกล่องใส่แบบเดอลุกซ์ทำจากหนังเนื้อผสมสีดำ และเม้าท์พีซเบอร์ 3C